ความมุ่งมั่นของพระเจ้าที่ทรงสร้างโลก คือ การสะท้อนรูปแบบของสวรรค์วิญญาณ ที่เป็นนามธรรมให้สำแดงออกมาเป็นรูปธรรม คือ โลก หรือเรียกว่า สวนเอเดน หรือ โลกสวรรค์ โดยทรงเริ่มสร้างสิ่งต่างๆ เช่น แผ่นฟ้า แผ่นดิน แสงสว่าง ความมืด กฎธรรมชาติ การดำเนินชีวิตตามวัฎจักร และทรงสร้างมนุษย์ เพื่อเป็นตัวแทนหรือรูปแทนของพระองค์ โดยทรงให้มีพระฉายาหรือคุณลักษณะจากพระเจ้า และมอบให้เป็นผู้คอยดูแล บริหารจัดการโลกให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น แต่ทว่ามนุษย์ต้องการเลือกทางเดินของตนเอง ยึดถือตัวตน จึงล้มลงในความบาป จมปลักในบ่อโคลนตม ที่มีทั้งความทุกข์ ความบาป สารพัดปัญหา และกองขยะปฏิกูล และได้กลายเป็นตัวการสำคัญ ในการทำลายและการสะสมสิ่งชั่วร้ายทั้งมวลให้เกิดขึ้น แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เพราะพระองค์ทรงรักและปรารถนาให้มนุษย์ที่พระองค์รักได้กลับมาคืนดีกับพระองค์ พระเจ้าจึงได้ทรงสร้างพันธสัญญากับมนุษย์ขึ้น พระองค์อยากให้มนุษย์ได้รับชีวิตที่บริบูรณ์งดงาม ไม่ต้องการให้มนุษย์ทำลายทุกสรรพสิ่ง รวมไปถึงตัวมนุษย์เอง พระเจ้าจึงส่งพระศาสดาทั้งหลายมาสู่โลก เพื่อรื้อฟื้นและทำพันธสัญญาขึ้นใหม่ เป็นการยันยืนว่า หากมนุษย์กลับใจมาหาพระองค์ ท่านยังทรงรัก ทรงอวยพร ทรงดูแลมนุษย์ให้มีชีวิตที่บริบูรณ์ และมีชีวิตนิรันดร์ นั่นคือ การได้มีพระเจ้าสถิตอยู่ด้วยตลอดกาล (ในทุกเวลา ทั้งยามที่มนุษย์นั้นมีชีวิตอยู่ หรือสิ้นอายุขัย) ดังนั้นพระเจ้าจึงมอบแนวทางที่เป็นพระวจนะและคำสั่งสอน (พระคัมภีร์) ให้แก่มนุษย์ โดยมีพระคัมภีร์วิวรณ์เป็นพระคัมภีร์เล่มสุดท้าย ที่พระเจ้าได้ทรงตักเตือนมนุษย์ว่า หากยังหลงมัวเมาในบาป ทำลายทุกสรรพสิ่ง และไม่ยอมกลับใจ สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็จะเดินไปสู่ความหายนะด้วยตัวเอง จนโลกทั้งโลกต้องล่มสลาย
ในปัจจุบัน โลกกำลังเผชิญภาวะวิกฤตรุนแรงในทุกด้าน ซึ่งส่งผลกระทบต่อกันเป็นทอดๆ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกคุมคามด้วยน้ำมือมนุษย์ ด้วยความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี จำนวนประชากรที่สูงขึ้นเป็นเท่าทวี และนี่ยิ่งทำให้มนุษย์เบียดเบียนธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ที่นำความเสียหายอย่างใหญ่หลวงมาสู่มวลมนุษย์เอง เช่น ปรากฏการณ์เรือนกระจก ซึ่งความจริงมีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักมาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำให้ความร้อนในอากาศใกล้ผิวโลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ น้ำทะเลหนุนสูง เพราะธารน้ำแข็งขั้วโลกละลาย และก่อให้เกิดน้ำท่วม ความแห้งแล้ง สภาพอากาศแปรปรวน จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เคยเป็นไปตามกลไก แต่ในทุกวันนี้กลับผิดเพี้ยนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความเสียหาย และคร่าชีวิตของมนุษย์ในวงกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่ใช่แค่สภาพแวดล้อม สภาวะสังคมในปัจจุบันก็เสื่อมทรามเช่นเดียวกัน ตั้งแต่สถาบันครอบครัว สังคม องค์กร ประเทศชาติ ไปจนถึงระดับโลก เพราะผู้นำ ผู้มีตำแหน่งอำนาจหน้าที่รับผิดชอบสูงสุดของแต่ละสถาบัน หรือผู้มีหน้าที่บริหารจัดการรักษาผลประโยชน์ให้ทุกคนในสถาบันนั้น กลับไร้ศักยภาพ ประสิทธิภาพ และความสามารถในตำแหน่งหน้าที่ จึงกระทำการทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำในสิ่งตรงข้าม คือ พยายามทำทุกวิถีทางเบียดเบียนเอาผลประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นของตน หรือ พรรคพวก ก่อให้เกิดความเสื่อมถอย ความไม่เจริญของสถาบันองค์กร หรือสังคมนั้นๆ และสุดท้ายก็เกิดการล่มสลายของสถาบัน สังคม เกิดปัญหา ความทุกข์ และความเดือดร้อนแผ่ปกคลุมทั่วทุกที่ ทั้งปัญหาความอดอยาก ปัญหาการเงินเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัย ชีวิตไร้ความปลอดภัยมั่นคง ประเทศชายขอบด้อยพัฒนา ไม่ได้รับการศึกษา สาธารณูปโภค และการแพทย์ที่ดี จนกลายเป็นความขัดแย้งทั่วทุกสารทิศ ในที่สุดก็เกิดเป็นสงครามฆ่าล้างเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ และนี่ได้ทำให้ฝ่ายจิตวิญญาณของมนุษย์จึงยิ่งจมดิ่งตกอยู่ในระดับต่ำมากขึ้น จิตวิญญาณสกปรกเหมือนกองขยะปฏิกูล รวมกองทุกข์ และบาปมาสะสมไว้ และพอเมื่อจากโลกนี้ไปก็ตกลงบ่อบึงไฟนรก เพราะมนุษย์ไม่ได้ทำสิ่งที่ชอบธรรมและไม่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง อยู่ในโลกแห่งความมืดบอด เกิดมาว่างเปล่า ดำรงชีวิตอยู่อย่างเปล่าๆ เมื่อตายก็ตายอย่างเปล่าๆเป็นเช่นนั้นทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น ไม่สมดั่งที่ชื่อว่าเป็นมนุษย์ (ผู้มีอริยธรรม ผู้เจริญแล้ว) เลย
ก่อนที่มนุษยชาติจะเดินไปถึงจุดล่มสลาย ผู้เขียนก็ได้รับการดลใจจากพระเจ้า เพราะพระเจ้ายังทรงห่วงใย และอยากให้มนุษย์ได้ตระหนักถึงมหาภัยพิบัตินี้ ดังนั้นผู้เขียนจึงได้จัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้น เพื่อสื่อสารให้มนุษย์ได้เห็นหนทางแห่งทางออกของตนเอง ที่จะมีค่ามากที่สุดในชีวิต และมิใช่เฉพาะต่อตนเองเท่านั้น ยังจะสามารถช่วยสถาบัน องค์กร หรือ สังคมที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เช่น เมื่อนายกรัฐมนตรีเข้าใจหนทางแก้ไขและได้กระทำตามพระบัญญัติ ก็จะสามารถนำพาประชาชนในประเทศให้รอดพ้นภัยพิบัติ และเป็นตัวอย่างให้แก่นานาชาติได้เห็นถึงความสำเร็จของทางออก เป็นต้น อีกทั้งหนังสือเล่มนี้ยังสามารถช่วยให้มนุษยชาติทุกระดับชั้นได้เรียนรู้ เข้าใจ และเข้าถึงจุดประสงค์ ที่พระเจ้าทรงตักเตือนไว้ในพระคัมภีร์วิวรณ์ ซึ่งเป็นพระคัมภีร์เล่มสุดท้าย เพื่อให้มวลมนุษย์กลับใจเปลี่ยนใหม่ หลุดพ้นจากความบาป ความมืดบอด สามารถกลับสู่เส้นทางของพระเจ้า ที่ทำให้มนุษย์ได้กลับมามีความสุข สนุก สันติสุขอย่างแท้จริง ร่วมกันสามัคคี สร้างความสัมพันธ์ใหม่ โลกใหม่ แผ่นดินใหม่ หรือ ฟ้าใหม่ ให้โลกกลายเป็นโลกสวรรค์ อยู่ร่วมกับมนุษย์วิญญาณตามเจตนารมณ์ของพระเจ้าอีกครั้ง โดยพระเจ้าจะทรงประทานพระพรและพระคุณ
พระเจ้า ผู้ลิขิต ชีวิตคุณคือผู้ใด: นวัตกรรมแนวใหม่แห่งศาสนา
฿790.00 ฿590.00
ก่อนที่มนุษยชาติจะเดินไปถึงจุดล่มสลาย ผู้เขียนก็ได้รับการดลใจจากพระเจ้า เพราะพระเจ้ายังทรงห่วงใย และอยากให้มนุษย์ได้ตระหนักถึงมหาภัยพิบัตินี้ ดังนั้นผู้เขียนจึงได้จัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้น เพื่อสื่อสารให้มนุษย์ได้เห็นหนทางแห่งทางออกของตนเอง ที่จะมีค่ามากที่สุดในชีวิต
Be the first to review “พระเจ้า ผู้ลิขิต ชีวิตคุณคือผู้ใด: นวัตกรรมแนวใหม่แห่งศาสนา” Cancel reply
Related products
Eden Garden Resort Chiang Mai
From ฿490.00 per night
Eden Garden Resort Chiang Mai
From ฿490.00 per night
Eden Garden Resort Chiang Mai
Superior Double Room with Bathtub (Eden Garden Resort Chiang Mai)
From ฿590.00 per night
Reviews
There are no reviews yet.